ไม่มีใครได้เปรียบ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มั่นใจการที่ไม่มีแฟนบอลเข้าสนามทำให้ทุกครั้งมไม่มีใครดีกว่าเสียเปรียบ

ไม่มีใครได้เปรียบ โดยเหตุนี้ในเกมพรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์ กองทัพ “ผีแดง” มีโอกาสที่จะดับซ่าเจ้าของบ้าน และก็ทำลายสถิติไม่มีพ่ายซะทีโอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์เวย์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ไม่มีใครได้เปรียบ

เชื่อการที่ หงส์แดง ไม่มีแฟนบอลในสนามแอนฟิลด์ เกม “แดงเดือด” วันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค.นี้ ถือเป็นโอกาสทองที่ “ปีศาจแดง” จะไล่บดขยี้ “หงส์แดง” ให้พังทลายพ่ายในที่สุด

ฟอร์มการเล่นของ ตอนนี้จำต้องพูดว่าร้อนแรงกว่าแชมป์เก่าหลายเท่า โดยในศึก “เร้ด วอร์” ตอนสุดสัปดาห์นี้ มีหลายคนค่อนข้างมั่นใจว่า “ผีแดง” มีภาษีเหนือกว่า และก็คง จะสามารถคว้า 3 คะแนนสำคัญ กลับบ้านได้ ผลบอลสดภาษาไทย

โซลชา สารภาพว่าการที่ แอนฟิลด์ ไม่มีแฟนบอล เข้าชมคงจะทำให้ ได้โอกาสดีเยี่ยมๆที่จะทำลายสถิติไม่มีปราชัยในบ้านของพวกเขาที่ยืนยาวมา ตั้งแต่ตอนเมษายน 2017 “ผมรู้สึกว่าบอลแล้วก็ผลจากการแข่งขันมันชี้ให้เห็นว่าแฟนบอลมีความหมายมากมายแค่ไหน”

“พวกเราไม่แพ้เกมนอกบ้านในลีกนับจากที่แพ้ในแอนฟิลด์ เมื่อฤดูก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา และก็ผมมีความคิดว่าทั้งนี้ก็เพราะไม่มีแฟนบอลอยู่ในสนาม (เจ้าของบ้าน) ในขณะนี้มีเพียงแค่สนามสีเขียวชอุ่มกับเส้นสีขาว ปราศจากความเป็นต่ออีกทั้งเกมในบ้านรวมทั้งนอกบ้าน”

“ถ้าหากเปรียบเทียบกับคราวก่อนมันจะกำเนิดการได้เปรียบอยู่บ้างในเกมอย่างนี้ การเล่นในบ้านกับมีคนรักบอลของคุณสนับสนุนมันทำให้นักฟุตบอลรู้สึกฮึกเหิม แน่ๆว่าคุณจะต้องมีคนรักบอลส่งเสริม”

ไม่มีใครได้เปรียบ แน่ๆ เหล่าสาวก ส่วนมากอาจยังไม่มองดูไกลถึง เรื่องที่ว่าพวก เขาได้โอกาสเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ที่กำลังจะได้แชมป์ลีกในช่วงฤดูกาลนี้มาครอบครองหรอก

เนื่องจากมันยังเหลือเกมให้เล่นอีกหลายนัดหมาย และก็ “ปีศาจแดง” ก็ยังมีจุดที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขอีกหลายจุด แต่ว่าก็ปฏิเสธ ไม่ได้ว่านี่ เป็นวิวัฒนา การที่ดีเกินกว่าที่คนไม่ใช่น้อยคาดกันเอาไว้

ไม่มีใครได้เปรียบ

ผลงานในเวลานี้ทำให้แฟนบอล บางบุคคลหวัง ว่าในที่สุดแล้ว โซลชา จะสามารถนำ การบรรลุผลมาสู่กลุ่มได้ ขั้นต่ำถ้าเกิดไม่ใช่ในช่วงฤดูกาลนี้ก็เป็นในฤดูกาลหน้า รวมทั้งมันจะเป็นการยกฐานะให้กับ โซลชา เองด้วย ภายหลัง ที่เขาเคยนำกลุ่มสำรองของ บรรลุเป้าหมาย มาแล้ว

ย้อนความกันก่อนว่า เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ที่ปรึกษากลุ่ม สำรองของ ในตอนซัมเมอร์ปี 2008 ก่อนที่ จะเขาจะไปเริ่มเอาดีด้านการเป็น กุนซือระดับ กลุ่มชุดใหญ่กับ โมลด์ เรื่องในอดีต

กลุ่มในบ้านกำเนิด ของตัวเองในปี 2011 โดยที่ นับว่า เป็นกุนซือ กลุ่มสำรอง แบบเต็มตัวคนแรกของ ในรอบราว 2 ปีด้วย เพราะก่อนหน้านั้น ใช้งาน ไบรอัน แม็คแคลร์ กับ จิมมี่ ไรอัน เป็นกุนซือ ขัดตาทัพ

ไม่กี่เดือนภายหลังได้รับตำแหน่งนั้น ก็จะต้องนำกลุ่ม ลงเล่นรายการ แลงคาเชียร์ ซีเนียร์ คัพ นัดหมายชิงแชมป์ โดยรายการ ดังที่กล่าว มาแล้วเป็นรายการ ที่กลุ่มในเทศมณฑลแลงคาเชียร์จะลง มาต่อสู้กัน ซึ่งบรรดาสมาคมใหญ่ๆในบริเวณ นั้นจะส่งกลุ่มสำรองของพวกเขามาลงเล่นเพื่อ เด็กๆหาประสบการณ์ ไปในตัว

ไม่มีใครได้เปรียบ ขุนศึกของ ในสมัยนั้น นอกจาก ดริงค์วอเตอร์ แล้วนั้น ผู้ที่แฟนบอล อาจจะพอ คุ้นหูอยู่ บ้างก็มีได้แก่ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, รอน โรเบิร์ต-ซีเลอร์, โรดริโก้ โพสเซบอน ฯลฯ ซึ่งโน่นก็ทำให้ ได้แชมป์ แลงคาเชียร์ ซีเนียร์ คัพ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1969 เลยทีเดียว

ความสำเร็จของ กับกลุ่มสำรองของ ไม่ได้หยุด อยู่เท่านั้น เพราะเหตุ ว่าในปีถัดมาเขาก็นำกลุ่มคว้าแชมป์ แมนเชสเตอร์ ซีเนียร์ คัพ ไปเชยชมได้ จากการนำกลุ่มเด็กของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทุบ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ในนัดชิงแชมป์ 1-0

แมนเชสเตอร์ ซีเนียร์ คัพ ก็คล้ายกับ แลงคาเชียร์ ซีเนียร์ คัพ โน่นซึ่งมันเป็นรายการระดับท้องถิ่น เพียงแค่รอบนี้จะจำกัดวงมาแคบกว่าเนื่องจากว่าเตะกันเฉพาะกลุ่มในบริเวณ เกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์

ซึ่งแม่ทัพที่นำความสำเร็จนั้นมาให้ มีบางบุคคลที่ติดตามมาจากชุดชนะ หงส์แดง ในนัดหมายชิงดำของ แลงคาเชียร์ ซีเนียร์คัพ ตัวอย่างเช่น ดริงค์วิเตอร์, โพสเซบอน

โดยพอรวมพลังกับดาวรุ่งในช่วงเวลานั้นคนอื่นๆอย่างเช่น แดนนี่ เวลเบ็ค, เฟเดริโก้ มาเคด้า แล้วก็ โซรัน โทซิช แล้วนั้น มันก็ทำให้ทีมเด็กของ ในตอนนั้นแข็งแกร่งพอตัว

พอถึงฤดู 2009-10 ก็จะต้องนำกลุ่มสำรองของ ลงเล่นในลี กระดับกลุ่ม สำรอง หรือ พรีเมียร์ รีเซิร์ฟ ลีก โดยในช่วงเวลานั้นมีการแบ่งเป็นลีกสำหรับกลุ่มทางเหนือกับกลุ่มทางตอนใต้ โดยที่จะเอาแชมป์ของแต่ละฝั่งมาดวลกันในนัดชิงชนะเลิศอีกครั้ง

ดังนี้ ลงเล่นในกรุ๊ปลีก ทางทางเหนือ ซึ่งกลุ่มของ ก็ทำผลงาน ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเป็นแชมป์ของกรุ๊ปจากการได้ 41 แต้ม สำหรับการลงเล่น 18 นัดหมาย เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นชั้น 2 ไปได้ 6 คะแนน ทำให้พวกเขาได้เข้าไปเล่นนัดหมายหาแชมป์ของประเทศ โดยคู่ต่อสู้ที่รออยู่เป็น แอสตัน วิลล่า ที่ถึงกับขนาดเก็บแต้มได้มากกว่ากลุ่มสำรองของ อาร์เซน่อล ถึง 5 คะแนน

ในนัดหมายชิงดำนั้นนับว่าเตะกันอย่างรุนแรง ก่อนที่จะสกอร์ใน ระยะเวลาธรรมดาจะจบลงที่การเท่ากัน 3-3 โดยที่เวลานี้ ทำท่าว่าจะชนะ 3-2 ตั้งแต่ช่วงธรรมดาแล้ว แม้กระนั้นมาโดน เคียแรน คล้าร์ก ตีเสมอให้กับ วิลล่า ในตอน 8 นาทีท้ายที่สุด

การเจ๊ากันทำให้มันต้องตัดสิน ผู้ชนะด้วยการดวลเป้า ซึ่งในที่สุดกลุ่มของ ก็แม่นกว่าเมื่อชนะในตอนดวลจุดโทษไป 3-2 และก็โน่นก็เป็นความเสร็จ แบบมีแชมป์อย่างเป็นรูปธรรมครั้งสุดท้ายของ มาจนถึงตอนนี้

ตอนนั้น ก็หนีบพวกที่เคยทำให้เขาได้แชมป์ในรายการก่อนๆมาลงเล่นนัดชิงชนะเลิศของลีกกลุ่มสำรองเช่นกัน ดังเช่น มาเคด้า รวมทั้ง พอเพียงสเซบอน ขณะเดียวกันก็ได้นักเตะอย่าง เบน ฟอสเตอร์, ราฟาเอล ดา ซิลวา และก็ มาเม่ บิรัม ดิยุฟ ลงช่วยทีมด้วย แถมวันที่เตะกับ วิลล่า เขายังมีตัวสำรองที่ชื่อ ปอล ป็อกบา อีกต่างหาก

ในขณะเดียวกับ “น้าลูกอม” เล่นสงครามจิตวิทยาด้วยการยกให้ หงส์แดง เหนือกว่าสมาชิกของตน แม้ว่าตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะอยู่ในตอนท็อปฟอร์มแล้วก็รั้งจ่าฝูงโดยมีแต้มนำ “เดอะ เร้ดส์” 3 คะแนนก็ตาม “พวกเราเป็นนักล่า พวกเขาทำทุกอย่างถูกต้อง, พวกเขามีโทรฟี่แชมป์ เป็นทีมที่ทุกๆคนอยากคว่ำให้ได้”