เรื่องในอดีต แฟร้งค์ แลมพาร์ด เผยว่าสิ่งที่เคยทำในอดีตไม่อาจจะจะเป็นเครื่องประกันให้ตนเองรอดพ้นจากการโดนไล่ออกจากการผู้จัดการทีมฟุตบอลได้

เรื่องในอดีต แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี เห็นด้วยว่าความเสร็จที่ตนเองเคยทำในอดีตในฐานะผู้เล่นของกลุ่ม ไม่สามารถจะช่วยเป็นเกราะคุ้มครองไม่ให้โดนไล่ออกจากการเป็นผู้จัดการทีม จากการที่ตนเคยได้เห็นมาในยุคเป็นผู้เล่น

เรื่องในอดีต

แลมพาร์ด ประสบความสำเร็จกับ อย่างมากในยุคเป็นผู้เล่นตอนระหว่างปี 2001-2014 โดยได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ร่วมกับ “สิงห์บลูส์” 3 ยุค แล้วก็ แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 ยุค แต่ในฐานะกุนซือที่เจ้าตัวเข้ามารับงานเมื่อปี 2019 กลับยังไม่เป็นที่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะฟอร์มในตอนหลัง แลมพาร์ด พาทีมชนะเพียงแค่ 1 นัดจากการลงเล่น 6 เกมหลังสุด จนถึงเป็นใจความสำคัญที่ถูกกล่าวถึงว่า แลมพาร์ด บางทีอาจถูกปลดออกจากตำแหน่งเร็วนี้ๆ ผลบอลสดภาษาไทย

ในหัวข้อนี้เอง แลมพาร์ด ก็รู้ดีว่า โรมัน อบราโมวิช เจ้าของชมรมสามารถตกลงใจไล่เขาออกได้ทุกเวลา ภายหลังได้มองเห็นกุนซือคนแล้วคนเล่าถูกอัปเปหิมาตลอดการค้าลำแข้ง 13 ปีในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์

“ทั้งหมดที่ผมอยากเป็นเน้นปฏิบัติงานที่อยู่ในมือ ผมไม่สามารถควบคุมได้หมดทุกอย่าง และก็แน่ๆว่าผมไม่ได้อยากที่จะพึ่งพิงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต”

“สิ่งที่ผมมองเห็นปัจจุบันนี้ในทางของตำแหน่งในสมาคม ตอนเดือนที่ผ่าน ทุกอย่างอย่างเหมือนเป็นดอกกุหลาบ เวลานี้ทุกๆอย่างเป็นไปในทางลบอย่างเร็ว ผมจำต้องมองโลกในด้านบวก รวมทั้งสิ่งที่ผมไม่สามารถควบคุมได้จากข้างนอก ซึ่งผมก็คิดว่ามันเสียเวลา”

เรื่องในอดีต “ผมได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากสมาพันธ์ในตอนที่ผมกลับมาเป็นผู้จัดการทีม ส่วนในฐานะผู้เล่น ผมก็ได้รับแรงช่วยเหลือมา 13 ปี แม้กระนั้นสุดท้ายผมก็ย้ายออกจากสมาพันธ์ เพราะพวกเขาต้องการเดินหน้าไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง”

เรื่องในอดีต

“ผมเข้าใจดีว่าบอลเป็นยังไง ผมเข้าใจในเรื่องสิ่งที่ต้องการ และก็ความหวัง ด้วยเหตุนั้น ผมก็เลยไม่คิดว่าผมจะได้สิทธิ์พิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงจากเหตุการณ์นั้น สิ่งที่ผมทำเป็นเป็นความซื่อสัตย์”

“ผมรู้เรื่องว่ายังมีงานที่จำเป็นต้องทำที่นี่ แล้วก็จุดที่พวกเรายืนอยู่ เหล่าผู้เล่นอายุน้อยพบปีที่เหนื่อยยากเมื่อปีก่อน แล้วก็กับผู้เล่นคนใหม่ที่เข้ามาในปีนี้ ก็ถูกคาดหมายว่าจะทำผลงานดีในทันทีทันใด โน่นเป็นสิ่งที่เป็นความท้า” ไม่มีใครได้เปรียบ

เกมนี้ “เรือใบสีฟ้า” ขาดผู้เล่นหลักไปหลายคนเหตุเพราะโดนปัญหาเจ็บรวมทั้งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้กระนั้นก็ไม่ได้มีผลอะไรกับพวกเขามากนัก เมื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า วางหมากได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้กลุ่มเยี่ยมบุกนำเจ้าของบ้านในครึ่งแรก 3-0 ส่วนช่วงหลัง แมนฯ ซิตี้ มิได้รีบเกม ทำให้กลุ่มโดนตีไข่แตกในช่วงต่อเวลาพิเศษเจ็บ

สามแต้มในแมตช์นี้ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ขยับขึ้นไปอยู่ชั้น 5 มี 29 คะแนน แถมยังมีเกมตกค้าง ในมืออีก 2 แมตช์ ส่วน บอกเลย ว่าตอนนี้ แฟร้งค์เก้าอี้ร้อนสุดๆเพราะว่าผลงาน กับเม็ดเงิน ที่ลงทุนสวนกันอย่างสิ้นเชิง แล้วก็ถ้ายังไม่มีอะไรดียิ่งขึ้น สงสัย “แลมพ์ส” น่าจะต้องหางาน ใหม่ในเร็วๆนี้

ภายหลังที่ทั้งคู่กลุ่มประกาศชื่อขุมกำลังที่จะลงสู่สนามในแมตช์นี้ แน่ๆว่าจุดปะทะที่คงจะสามารถวินิจฉัยเกมนี้ได้เลยมันก็คือแผงกองกลาง โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดแจงส่งมิดฟิลด์ที่คงจะเหมาะสม ที่สุดของกลุ่มในขณะนี้ลงสนาม รวมทั้งไม่ทำให้เขาจำต้องผิดหวังจริงๆ

อีกทั้ง อิลคาย กุนโดกัน, ฟิล โฟเด้น, และก็ เควิน เดอ บรอยน์ สร้างผลงานชั้นยอดจริงๆโดยพวกเขาได้รับอิสระจาก เป๊ป สำหรับเพื่อการวิ่งสลับเปลี่ยนตำแหน่งในแผงกองกลางและก็ดินแดนหน้าได้อย่างมาก ตอนที่มิดฟิลด์ของ “สิงโตสีน้ำเงินคราม” ไม่อาจจะบีบคั้น แนวรุกแข้ง “เรือใบสีฟ้า” ได้เลย

ในเวลาที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ที่ คงจะไว้วางใจได้มากที่สุด แม้กระนั้นก็ไม่สามารถแงะฟอร์มเก่งออกมาได้เลย ที่สำคัญเขายังทำทิ่มอลบ่อยครั้งในแดนกลางซะด้วย ด้วยเหตุนี้ก็เลย ไม่ใช้เรื่องแปลกที่ จอมบุกกลุ่มชาติฝรั่งเศส จะโดน โรดรี้ , เดอ บรอยน์ แล้วก็ ราฮีม สเตอร์ลิง เล่นงานจนถึงป่วนปั่น

จะต้องสารภาพว่าแผงกองกลางของ ในเกมนี้ไม่สามารถ ที่จะประมือกับมิดฟิลด์ของ ได้เลย รวมทั้งนี่เป็นหนึ่ง ในกุญแจสำคัญที่ทำให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” ต้องเจอกับความพ่ายแพ้อย่างน่าเจ็บคาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ และก็ทำให้การลุ้นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ของพวกเขาพร่าเหลือเกิน

เรื่องในอดีต ขณะนี้สิ่งจำเป็นที่ เชลซี จำต้องรีบปรับแต่งเป็นการด่วนก็คือหัวข้อการจบสกอร์ เนื่องจากว่า ติโม แวร์เนอร์ แนวรุกชาวเยอรมันที่พวกเขาคาดหมายเอาไว้ว่าจะยิงประตูมากภายหลังทุ่มเงินปาดหน้า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สนิมเริ่มเกาะแข้ง ทำประตูไม่เป็นซะแล้ว

หัวหอกกลุ่มชาติเยอรมัน แปลงเป็นนักฟุตบอลที่ขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่นสำหรับเพื่อการทำแต้มไปแล้ว ทั้งที่เกมนี้เขาได้โอกาสที่จะทำประตูได้ไพเราะคู่ปรปักษ์จำต้องใช้นายทวารอย่าง แซ็ค สเตฟเฟ่น ซึ่งพึ่งได้ลงเฝ้าเสาเปิดตัวในเกมพรีเมียร์ลีก แต่ว่า แวร์เนอร์ กลับไม่อาจจะสร้างแรงกดดันอะไรได้เลย

ยังไม่หมดเท่านั้นเพราะว่าผู้เล่นคนใหม่อย่าง ฮาคิม สิเย็ค, ไค ฮาแวร์ทซ์ , เบน ชิลเวลล์ แล้วก็ ติอาโก้ ซิลวา ไม่อาจจะแงะฟอร์มเก่งออกมาได้เลยในตอนที่ผ่านมา แล้วก็นำมาซึ่งการทำให้ผลงานของ “สิงห์บลูส์” ขณะนี้สาละวันเตี้ยลงอย่างน่าตกใจอย่างยิ่งจริงๆ

สำหรับในช่วงเวลานี้ อาจจะต้องมีการต่อว่าวเข้มบรรดาลำแข้งใหม่ค่าแรงแพงให้เรียกฟอร์มเก่งกลับมาให้เร็วที่สุด ส่วนแนวความคิดที่จะเคาะประตูบอร์ดบริหารสมาพันธ์เพื่อของงบประมาณเสริมกองทัพตอนมกราคมนี้ บอกเลยว่าลืมไปได้เลย เนื่องจากว่ากลุ่มทุ่มเงินมหาศาลไปแล้วตอนซัมเมอร์ก่อนหน้าที่ผ่านมา ด้วยเหตุนั้นสิ่งที่ “แลมพ์ส” ทำเป็นก็คือเรียกสตินักฟุตบอลกลับมาให้เร็วที่สุด

เรื่องในอดีต มีประโยคยอดนิยมที่ชอบพูดติดปากกันว่า “เกมรับทำให้พวกท่านเป็นแชมป์” และก็ในขณะนี้ แมนเชสเตอร์ แปลงเป็นสมาคมที่มีเกมรับที่แน่นแฟ้นมากมายๆเนื่องจากว่าพวกเขาเสียไปเพียงแค่ 13 ประตูต่ำที่สุดในลีกในตอนนั้น ในตอนที่เกมรุกก็ยังคงเดินหน้าทำประตูคู่ปรับได้อย่างสม่ำเสมอ

สกอร์ที่ “เรือใบสีฟ้า” บุกชนะ เชลซี ถึงถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ 3-1 มันก็คือการเสีย 2 ประตูจากการลงสู่สนาม 7 เกมลีกหลังสุดของพวกเขา ซึ่งสิ่งนี้ชี้ให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งว่า กวาร์ดิโอล่า มีการเปลี่ยนแปลงเกมรับของกลุ่มให้อดทนมากยิ่งขึ้นกว่า 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา

แมตช์นี้กลุ่มเยี่ยมแทบจะไม่พบความยากลำบากจากเกมบุกของ เชลซี ด้วย แม้ว่าพวกเขาไม่มี เอแดร์ซอน นายทวารมือ 1 และก็ ไคล์ วอล์คเกอร์ กองหลังคนสำคัญ ซึ่งทั้งคู่คนจะต้องอยู่ในตอนกักบริเวณด้วยเหตุว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยงานนี้ จอห์น สโตนส์ กับ รูเบน ดิอาส จับคู่เป็นเซนเตอร์แบ็กที่เหนียวแน่นมากมายๆ

ในตอนที่ แซ็ค สเตฟเฟ่น ซึ่งบางทีอาจทำผิดพลาดในตอนต้นเกมจากจังหวะเสียสมาธิ เมื่อรับบอลจากจังหวะที่ โรดรี้ ส่งคืนหลังในกรอบทำให้เสียลูกฟรีคิก แต่ว่าจากนั้นเจ้าตัวก็เกือบจะไม่ต้องดำเนินการอะไรเลย โดยได้โอกาสเซฟเพียงแค่จังหวะเดียวแค่นั้น ก่อนที่จะถูก คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ทำประตูช่วงทดเวลาเจ็บ

ฟอร์มการเล่นของ แมนฯ ซิตี้ เวลานี้จำเป็นต้องบอกเลยว่าแข็งอีกทั้งเกมรุกรวมทั้งเกมรับ ฉะนั้นนี่เป็นสัญญาณเตือนบรรดากลุ่มนำทั้งหลายแหล่ว่าพวกเขากลับมาแล้ว แล้วก็การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก จะยิ่งเข้มข้นกว่านี้อีกหลายเท่าแน่ๆ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องประสบปัญหาการขาดแผงหน้าตัวจบสกอร์อย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ รวมทั้ง กาเบรียล เชซุส แม้กระนั้นหัวข้อนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับ “เป๊ป” แม้กระทั้งหน่อยเดียว เพราะเหตุว่าเขามีนักเตะซึ่งสามารถทำคะแนนได้จากทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผงกองกลาง

เกมนี้ “เรือใบสีฟ้า” ใช้สามผสานอย่าง แบร์นาร์โด้ ซิลวา, โฟเด้น, สเตอร์ลิง และก็ เดอ บรอยน์ รอทำหน้าที่วิ่งป่วนปั่นเกมรับของ เชลซี ทั้งยังในแผงมิดฟิลด์แล้วก็แนวรุก ซึ่งสิ่งนี้เป็นลักษณะเด่นของ แมนฯ ซิตี้ สำหรับเพื่อการจู่โจมแผงกองหลังของ “สิงห์บลูส์” ที่ค่อนจะมีปัญหาในตอนนี้